สถิติ
เปิดเว็บ | 15/04/2010 |
อัพเดท | 13/11/2024 |
ผู้เข้าชม | 11,422,933 |
เปิดเพจ | 17,077,689 |
สินค้าทั้งหมด | 2,001 |
เล่าเรียน-ทำงานกันไป-ชีวิตได้อะไร-พระพรหมคุณาภรณ์-ราคา25บาท
ข้อมูลสินค้า
-
รหัสสินค้า
978-616-03-0608-4
-
เข้าชม
4,965 ครั้ง
-
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
19/03/2019 13:02
-
รายละเอียดสินค้า
เล่าเรียน-ทำงานกันไป-ชีวิตได้อะไร-พระพรหมคุณาภรณ์-ราคา25บาท
ขนาด 14.5*21 cm
กระดาษถนอมสายตาสีครีม
จำนวน 40 หน้า
ปกอ่อน
.........................................................
สารบัญ
เล่าเรียน ทำงานกันไปชีวิตได้อะไร
มนุษย์ คือ สัตว์ผู้ต้องศึกษา ชีวิตที่ดี คือชีวิตแห่งการศึกษา
ทำงานเพื่ออะไร
ควรทำงานกันอย่างไร
จุดมุ่งหมายของคน หรือจุดมุ่งหมายของงาน
ทำงานอย่างไร จึงจะได้ความสุข
ชีวิตงาม และธรรม ความประสานสู่เอกภาพ
ชีวิตงาม และธรรม อิสรภาพภายในเอกภาพ
............................................
หนังสือเรื่อง เล่าเรียน ทำงานกันไป ชีวิตได้อะไร
เป็นคำบรรยายของพระเดชพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
ได้เมตตาบรรยายแก่สาธุชนในโอกาส
และวาระต่างๆ กัน
บทความในหนังสือ เล่าเรียนกันไป
ทำงานกันไป ชีวิตได้อะไร เล่านี้ ได้กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน
และการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจับัน ซึ่ง หนังสือธรรมบรรยายชุดนี้
มีเนื้อหาสาระ เหมาะอย่างยิ่งกับคนยุคปัจจัยน
จึงได้ขออนุญาตจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่แก่สาธารณชน
เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีงามและถูกต้อง
โปรโมชั่นพิเศษ เฉพาะเล่มนี้ สั่ง 100 เล่มขึ้นไป /
ราคาเล่มละ 25 บาท + แทรกข้อความ 1 หน้า : จัดส่ง ฟรี ทั่วประเทศ
📱สามารถโทร.สอบถามรายละเอียดอื่นๆได้ที่
086-461-8505, 02-482-7358, 087-696-7771
#และเพื่อความรวดเร็วในการสนทนา
ช่องทางการติดต่อทาง/ #สั่งซื้อทางLine
~สั่งพิมพ์หนังสือเพื่อแจกเป็นธรรมทาน
~สั่งชุดพระไตรปิฎกแบบต่างๆ
หรือกดที่ ลิงค์ add Line ด้านล่างได้เลยครับ
https://line.me/R/ti/p/%40trilakbooks
.......................................
มนุษย์ คือ สัตว์ผู้ต้องศึกษา
ชีวิตที่ดี คือชีวิตแห่งการศึกษา
ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างไร ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือเป็นสัตว์ที่ต้องฝึก หรือต้องศึกษา และฝึกได้ คือศึกษาได้ด้วย
การที่มนุษย์เราจะมีชีวิตที่ดีงาม เราจะต้องศึกษาฝึกฝนพัฒนาตัวเอง
ให้ดีขึ้นไป ในระบบการดำเนินชีวิตของเรา ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรมจิตใจ
และปัญญา เมื่อเราฝึกฝนพัฒนา มีการศึกษา ก็ทำให้การดำเนินชีวิต
ของเราดีขึ้น
แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้ ไม่ฝึก เราจะดำเนินชีวิตให้ดีไม่ได้เลย ทั้งนี้ เพราะมนุษย์
อยู่ด้วยสัญชาตญาณอย่างเดียวไม่พอ
สัญชาตญาณนี้ มนุษย์อาศัยได้น้อยเหลือเกิน
ไม่เหมือนสัตว์ชนิดอื่นที่อาศัยสัญชาตญาณได้มาก
จนกระทั่งว่ามันแทบไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องฝึกฝนอะไรเลย มันก็อยู่ได้
แต่สัตว์นั้น ถึงแม้มันจะฝึกได้บ้าง มันก็ฝึกได้น้อย เรียนรู้ได้น้อยอย่างยิ่ง
อย่างดีก็ต้องให้มนุษย์ฝึกให้จนพอจะทำอะไรได้บ้างในขอบเขตที่จำกัดยิ่ง
ตรงข้ามกับมนุษย์ ที่อาศัยสัญชาตญาณแทบไม่ได้เลย การดำเนินชีวิต
ต้องเรียนรู้และต้องฝึกทั้งหมด การดำเนินชีวิตที่ดีของมนุษย์ ต้องอาศัย
การลงทุน คือต้อง ศึกษาต้องเรียนรู้ ต้องฝึก แต่พร้อมกันนั้น
มนุษย์ก็ต้องเรียนรู้และฝึกได้อย่างแทบไม่มีขีดจำกัด
ค ว ร ท ำ ง า น อ ย่ า ง ไ รทีนี้เมื่อคนทำงานไปตามความหมายและความเข้าใจของเขา ความหมาย
ของงานตามที่เขาเข้าใจนั้น ก็มีผลต่อพฤติกรรมในการทำงาน และส่งผล
ต่อความรู้สึกและต่อจิตใจในการทำงานของเขาด้วย
เราเข้าใจการทำงานอย่างไร เราก็มุ่งหวังผลสนองไปตามความหมายนั้นถ้าเกิดผลสนองตามความมุ่งหมาย เราก็เกิดความพึงพอใจ ถ้าไม่สนอง
ตามความมุ่งหมาย ก็เกิดความเศร้าเสียอกเสียใจ เพราะฉะนั้น ความเข้าใจ
ในความหมายของงานจึงมีผลกระทบต่อชีวิตจิตใจของเรามาก
ตัวอย่างเช่น คนที่ทำงานหมายความที่เป็นเพียงเครื่องมือหาเลี้ยงชีพให้ได้ผลตอบแทน ให้ได้ผลประโยชน์ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์มาก หรือ
ได้มาน้อยไป เขาก็จะรู้สึกไม่สมหวัง ไม่พอใจ เกิดความทุกข์ เพราะว่า
ความมุ่งหมายในการทำงานของเขา ไปอยู่ที่ผลประโยชน์ตอบแทน คือ
เรื่องเงินทองเป็นต้น การที่เขาจะมีความสุขหรือความทุกข์ ก็อยู่แค่นั้น
ทีนี้ ถ้ามองความหมายของงานไปในแง่ว่า เป็นการทำหน้าที่หรือบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมประเทศชาติ สำหรับคนที่มองอย่างนี้ บางทีแม้ว่าผล
ประโยชน์ตอบแทนอาจไม่มากนัก แต่ความพึงพอใจของเขาอยู่ที่ว่า งาน
นั้นทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ดังนั้น ถ้าเห็นว่างานของเขาได้ช่วยสังคม
เขาก็มีความสุข ความรู้สึกในใจจึงสัมพันะ์กับการมองความหมายของงาน
คนที่มองงานในแง่ของการพัฒนาตน หรือพัฒนาศักยภาพ เวลาทำงานก็
จะเพลินไปกับงาน เพราะในเวลาที่ทำงานเราได้ฝึกตัวของเราอยู่ตลอดเวลา
เมื่อทำงานไป เราก็ได้ความรู้ความสามารถ เพิ่มพูนความชำนานมากขึ้นส่วนเรื่องที่ว่าจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนมากน้อย เราจะไม่คำนึงมากนัก
แต่เราจะมีความพึงพอใจ ในการได้พัฒนาตนเองให้มีศักยภาพเพิ่มขยาย
เพราะฉะนั้น การเข้าใจความหมายของงาน จึงมีความสำคัญมากต่อสภาพ
จิตใจ
ตอนนี้ อยากจะพูดต่อความรู้สึกพื้นฐานทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับเรื่องงานสักนิดหนึ่ง
เมื่อพูดถึงความหมายของงาน ถ้ามองวัฒนธรรมไทยและนำไปเทียบกับวัฒนธรรมตะวันตก จะเห็นว่าแตกต่างกัน และความแตกต่านั้นก็จะแสดง
ถึงพื้นฐานการสั่งสมฝึกอบรมจิตใจใของวัฒนธรรมที่ต่างวกัน
คนไทยเรามองคำว่างานกันอย่างไร ก่อนที่วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาคนไทยเราใช้คำว่า งาน ในความหมายที่ไม่เหมือนปัจจุบัน เรามีงานวัด
เรามีงานสงกรานต์ เรามีงานกฐิน เรามีงานทอดผ้าป่า
คำว่างานในความหมายของคนไทย เป็นกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานเพื่อความบันเทิง อย่างงานวัดเป็นเรื่องสนุกทั้งนั้น มีมหรสพ มีละคร
หนังลิเก ในงานสงกรานต์เราก็ไปสนุกกัน เอาน้ำไปอาบให้กัน ไปเล่น
อะไรต่ออะไรครึกครื้น
แต่ความจริงงานมีความหมายที่ซ่อนอยู่ลึกกว่านั้น คือ เป็นเรื่องการทำความดี กิจกรรมที่เป็นหลักเป็นแกนของงาน ก็คือ การทำบุญ ทำการ
กุศล หรือบำเพ็ญความดีอย่าง โดยเฉพาะการมาร่วมร่วมกันทำประโยชน์
บางอย่างเพื่อส่วนรวม แม่แต่งานสงกรานต์ ก็มีกิจกรรมที่เป็นการทำบุญ
ทำกุศลอยู่ รวมทั้งการขนทรายเข้าวัด
ดังนั้น การทำงานจึงมีความหมายในเชิงที่เป็นกิจกรรมในการทำความดีบางอย่าง หรือเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางศาสนา แต่ส่วนหนึ่งที่ปนอยู่ ด้วยก็คือ
ความสนุกสนานบันเทิง ซึ่งเป็นส่วนที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันในคนไทยส่วน
มาก
พูดรัดว่า ความหมายของงานที่เป็นไปตามวัฒนธรรมไทยนี้เหลือมาในรูปของความสนุกสนานเป็นหลัก
ทีนี้ ในแง่ของสังคมตะวันตก การทำงานแบบตะวันตกเข้ามาพร้อมกับวัฒนธรรมตะวันตกนั่นเอง
ตามความหมายแบบตะวันตก งานคืออะไรงานในความหมายของตะวันตกนั้น เรียกว่า work และมีความสำคัญที่คู่กับ work
เป็นคำตรงข้ามกับ work ซึ่งช่วยให้ความหมายของ work เด่นชัดขึ้นมาด้วย คือ
คำว่า leisure แปลว่า การพักผ่อนหย่อนใจ
งานในความหมายของฝรั่ง เป็นคู่กัน และตรงข้ามกับการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉนั้น วัฒนธรรมตะวันตกจึงมองว่าเป็นเรื่องของความเหน็ดเหนื่อย ลำบากตรากตรำ
เป็นเรื่องที่ต้องทนทำด้วยความทุกข์ยาก และก็จึงต้องมีสิ่งที่เป็นคู่กันเพื่อทดแทน
คือการพักผ่อนหย่อนใจ
ตามวัฒนธรรมของฝรั่งนี้ คนเราต้องทำงาน เสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อช่วยทดแทนชดเชยหรือผ่อนระบาย ดังนั้น งานจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเคลียดได้มาก
และถ้าเราตั้งท่าไว้ไม่ดี มีท่าทีของจิตใจไม่ถูกต้อง คือไม่มีความรักงาน เราก็จะทำงาน
ด้วยความเหนื่อยหน่ายและอยากจะหนีงาน งานกลายเป็นสิ่งที่หนักหนา ต้องเผชิญ
ต้องผจญ ต้องสู้
เมื่อมองอย่างนี้ คนเราจึงต้องหาทางหลีกเลี่ยงไปเสียจากงาน ต้องการให้งานเลิกหรือจะหนีจากงานเพื่อไปหาการพักผ่อน อันเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีจริยธรรมที่เข้าชุดเป็นคู่กัน คือว่า คนในวัฒนธรรมตะวันตกซึ่งทำงานแบบตะวันตก จะต้องสร้างนิสัยรักงานขึ้นมาให้ได้ พอรักงาน ก็มีใจสู้
และทนต่อความหนักความเหน็ดเหนื่อยของงานได้
เป็นอันว่า ความหนักและความเหน็ดเหนื่อย เป็นลักษณะงานแบบตะวันตกคนไทยรับเอาความหมายคำว่า "งาน" ในแง่ที่เป็นความหนักหนาเหนื่อยมา
จากตะวันตก โดยไม่ได้รับเอานิสัยรักงานมาด้วย แต่เรามีนิสัยรักสนุก ที่สั่ง
สมมากัยบความหมายของงานในวัฒนธรรมความหมายของเราเอง
ในสภาพแห่งความนุงนังและสับสนของวัฒนธรรมอย่างนี้ ถ้าปรับตัวไม่ดีเราจะเสียทั้งสองด้าน คือ ตัวเองก็รักความสนุกสนานตามความหมายของ
งานแบบเก่า เราจะมุ่งหาแต่ความสนุกสนาน พอเจองานแบบตะวันตกที่
หนักและไม่สนุก ตัวไม่มีนิสัยรักงาน ก็อยากจะหนีงานไป แต่เมื่อต้องทำ
หนีไม่ได้ ก็ต้องจำใจฝืนใจหรืสักว่าทำ
ลงท้าย ที่ว่าเสียทั้งสองด้าน คือ งานก็ไม่ได้ผล คนก็เป็นทุกข์เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ดี ก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ความหมายที่ดีของเราใน
วัฒนธรรมเก่าว่า งานเป็นกิจกรรมเพื่อส่วนรวม เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อะไร
สักอย่างหนึ่ง โดยมีความสนุกสนานเป็นผลพ่วงมา หรือเป็นผลพลอยได้
เราก็รักษาไว้ และในเวลาเดียวกัน งานในความหมายที่ยากที่หนัก ต้องสู้
ต้องทำด้วยความเหน็ดเหนื่อยนี้ เราก็ยินดีต้อนรับไม่ถอยหนี
จะต้องแก้ปัญหาให้ได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้การทำงานเป็นไปด้วยดีทั้งยังมีน้ำใจเผื่อแผ่นึกถึงส่วนรวมไว้ แล้วก็มีนิสัยรักงานสู้งานมาช่วย
สนับสนุนด้วย
ถ้าแก้ให้งานอย่างนี้ได้ ก็จะกลับร้ายกลายเป็นดี แทนที่จะเสียทั้งสองด้านก็กลายเป็นได้ทั้งสองทาง คือ งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข
ทำงานอย่างไร จึงจะได้สุข?
ในสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาพการทำงานแบบตะวันตก ไม่มี
คำพูดสำคัญในทางไม่ดีคำหนึ่งมาเข้าคู่กับการทำงาน คือ ความเครียด
ยิ่งถ้าไม่มีความบากบั่นสู้งาน ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ถูกต้องในการทำงานแบบตะวันตกนั้นเข้ามาดุลด้วยแล้ว ความเครียดจะก่อปัญหาอย่างมาก
ความเครียดนี้ กำลังเป็นปัญหาสำคัญของอารยธรรมย์ในโลกยุคปัจจุบัน
การทำงานหาเงิน หรือวิถีชีวิตที่เน้นด้านเศรษฐกิจของคนยุคนี้ พ่วงเอาความเครียดมาด้วย
ในสังคมตะวันตกปัจจุบันนี้ คนยังมีนิสัยสู้งาน ที่ได้สะสมมาแต่อดีตยังติดยังฝังอยู่ แต่มาในระยะหลังๆ นี้ ความใฝ่เห็นแก่บริโถคมากขึ้น
ส่วนในสังคมไทยของเรานี้ มีผู้กล่าวว่า คนไทยมีค่านิยมบริโภคมากไม่ค่อยมีค่านิยมผลิต จึงจะยิ่งมีปัญหาหนักกว่าเขาอีก เพราะค่านิยมบริโภค
ขัดแย้งกับกระบวนการทำงาน เนื่องจากการทำงานต้องการความอดทน ต้องต่อ
สู้กำความยากลำบาก เมื่อไม่มีนิสัยรักงานสู้งานเป็นพื้นฐานรองรับ คนที่นิยม
บริโภคจะไม่สามารถทนได้ จะจำใจทำ ทำด้วยความฝืนใจ จะรอคอยแต่เวลา
ที่จะได้บริโภค ความต้องการก็ขัดแย้งกัน และเมื่อความต้องการขัดแย้งกัน ก็
เกิดภาวะที่เรียกว่า "เครียด" จึงทำงานด้วยความเครียด
คนที่มีค่านิยมบริโภคมาก เมื่อต้องทำงานมาก ก็ยิ่งเครียดมากโดยเฉพาะคนที่ต้องการผลตอบแทนทางวัตถุ ทำงานไปก็ทำด้วยความ
กระวนกระวาย เกิดความขัดแย้งในจิตใจ มีความกังวลว่าผลตอบแทนที่เรา
ต้องการจะได้หรือป่าว จะได้น้อยกว่าที่ตั้งความหวังหรือป่าว หรือว่าเรา
อาจจะถูกแย่งผลตอบแทนไป หรือถูกแย่งตำแหน่งฐานะไป ความห่วงกังวล
ต่างๆ นี้ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งเป็นปัญหาทางจิตใจที่สำคัญ
เมื่อขาดความรักงาน ใจไม่อยู่กับงาน ความรู้สึกรอเงินรอเวลาก็จะ
เด่นขึ้นมาและกดดันใจนั้น โดยเฉพาะเมื่อจุดหมายของคน กับจุดหมายของ
งาน ลักลั่นขัดแย้งกัน เช่น งานเสร็จเงินยังไม่มา หรือว่าตำแหน่งยังไม่ได้
แรงกดดันก็ยิ่งมาก เลยยิ่งเครียดหนัก
ปัญหาต่างๆ รวมทั้งความเครียดนั้น ก็เกิดจากแรงจูงใจประเภทแรกที่เรียกว่า ตัณหา-มานะ โดยเฉพาะค่านิยมบริโภค และค่านิยมโก้
หรูหรา ซึ่งกำลังแพร่หลายอยู่ในสังคมเรา และบางทีก็ถึงกับมองกันว่า
เป็นเรื่องที่ดี
ส่วนแรงจูงใจที่ถูกต้อง คือทำงานด้วยใจที่ใฝ่สร้างสรรค์ มองงานเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาตน อยากพัฒนาประเทศชาติหรือทำประโยชน์แก่
สังคม ต้องการผลสำเร็จของงานหรือทำงานเพื่อจุดหมายของงานแท้ๆ
แม้จะทำงานด้วยแรงจูงใจด้วยดีแบบนี้ ถ้าเกิดความรู้สึกเร่นรัดจะรีบ
ร้อนทำ และมีความห่วงกังวลเกรงงานจะไม่เสร็จ ก็อาจจะมีความเครียดได้
ต่างแต่ว่าจะเป็นความเครียดที่คลายได้ง่าย (เพราะไม่มีอารมณ์ด้านลบที่เกิด
จากตัณหา)
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่มีแรงจูงใจไม่ดีก็ตาม มีแรงจูงใจที่ดีก็ตาม ก็ยังมีความเครียดได้ ยังอาจมีปัญหา แต่เราสามารถแยกความแตก
ต่างได้ว่า ในฝ่ายหนึ่ง แรงจูงใจเพื่อจุดหมายของคน ซึ่งมุ่งเอาประโยชน์ส่วน
ตนด้วย ตัณหา-มานะ มีโทษต่อสังคมและต่อชีวิตมาก ส่วนฝ่ายที่สอง แรงจูง
ใจเพื่อจุดหมายของงาน มีคุณค่ามาก มีคุณประโยชน์ต่อสังคมมาก พัฒนา
ชีวิตคนได้ดี
.......................................................................
Tags : เล่าเรียนทำงานกันไปชีวิตได้อะไร , พระพรหมคุณาภรณ์
สินค้าที่ดูล่าสุด
- เล่าเรียน-ทำงานกันไป-ชีวิ... ราคา 25.00 ฿
สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง
-
รู้หลักก่อน แล้วศึกษาและสอนให้ได้ผล
รหัส : 978-974-389-0987 ราคา : 100.00 ฿ อัพเดท : 08/12/2010 ผู้เข้าชม : 3,506 -
พุทธธรรม-ฉบับปรับขยาย-พจนานุกรม-โดยพระพรหมคุณาภรณ์…
รหัส : 974-575-492-7 ราคา : 665.00 ฿ อัพเดท : 18/08/2021 ผู้เข้าชม : 74,717พจนานุกรมพุทธศาสน์-ฉบับประมวลศัพท์…
รหัส : 978-616-0301805 ราคา : 300.00 ฿ อัพเดท : 10/06/2019 ผู้เข้าชม : 9,585 -
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม…
รหัส : ประมวลธรรม ราคา : 250.00 ฿ อัพเดท : 10/06/2019 ผู้เข้าชม : 8,092พุทธธรรม-ฉบับเดิม-สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
รหัส : 978-616-030-9054 ราคา : 200.00 ฿ อัพเดท : 20/03/2020 ผู้เข้าชม : 11,512 -
อายุยืนอย่างมีคุณค่า ปาฐกถาธรรมเพื่อความมีชีวิตที่สงบเย็นและเป็นสุขอย่างยิ่ง
รหัส : อายุยืน-25 ราคา : 25.00 ฿ อัพเดท : 10/01/2019 ผู้เข้าชม : 6,124กรรม นรกสวรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่…
รหัส : 978-974-841-751-6 ราคา : 100.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 4,466 -
จากจิตวิทยา สู่ จิตภาวนา โดยพระพรหมคุณาภรณ์…
รหัส : 974-453-366-8 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 05/12/2011 ผู้เข้าชม : 5,735จากสุขในบ้าน สู่ความเกษมศาสนติ…
รหัส : 978-974-453-743-0 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 1,749 -
เพิ่มพลังชีวิต โดยพระพรหมคุณาภรณ์
รหัส : 978-974-453-882-6 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 2,547ภูมิธรรมชาวพุทธ โดยพระพรหมคุณาภรณ์…
รหัส : 978-974-453-744-7 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 2,807 -
พระพุทธศาสนา กับโลกธุรกิจ (การใช้หลักพุทธธรรมในการทำธุรกิจ)…
รหัส : 974-9973-96-8 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 4,470พัฒนาการ แบบองค์รวมของเด็กไทย…
รหัส : 978-974-453-367-6 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 2,298 -
นรกสวรรค์ในพระไตรปิฎกนรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ท่าทีของพระพุทธศานาต่อเรื่องนรกสวรรค์โดยพระพรหม
รหัส : 978-974-453-424-8 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 3,007ทุกข์สำหรับเห็นสุขสำหรับเป็นหัวใจพุทธศาสนาแก่นแท้ของพุทธศาสนาแก่ธรรมเพื่อชีวิต
รหัส : 978-974-453-426-2 ราคา : 70.00 ฿ อัพเดท : 29/03/2011 ผู้เข้าชม : 2,001